ปลาปอมปาดัวร์ (Pompadour) หรือที่เรียกกันว่า
Discus เป็นปลาในตระกูล Cichlid เป็นปลาที่น่าสนใจของนักเพาะเลี้ยงปลาสวยงามเนื่องจากมีราคาดี
สามารถส่งขายต่างประเทศได้ ตลาดรับซื้อลูกปลามี
ไม่จำกัด
นอกจากนี้ประเทศไทยยังมีสภาพดินฟ้าอากาศเหมาะสมในการเพาะพันธุ์ และอาหารของปลาจากธรรมชาติ
เช่น ลูกน้ำ หนอนแดง ไข่กุ้ง ก็หาได้ง่ายและมีราคาไม่แพงนัก
องค์ประกอบเหล่านี้โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ราคาของลูกปลา
เป็นสิ่งกระตุ้นทำให้มีผู้สนใจทดลองเพาะเลี้ยงกันมาก
แต่โดยมากมักไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร เนื่องจากมีปัญหาและอุปสรรคหลายประการ
ประการที่สำคัญคือ การดูแลเอาใจใส่
มักมีคำกล่าวในหมู่นักเพาะเลี้ยงปลาปอมปาดัวร์เสมอว่า
การเพาะเลี้ยงปลาชนิดนี้ขึ้นอยู่กับดวง
ผู้เพาะเลี้ยงปลามือใหม่หรือมือสมัครเล่นมักประสบความสำเร็จระยะแรก ๆ
แต่ถ้าขยายกิจการให้ใหญ่มากขึ้นไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าที่ควรหรืออาจประสบกับการขาดทุนถึงกับขายตู้ปลาไปเลยก็ได้
ทั้งนี้อาจเป็นไปได้ว่า ผู้ทดลองเลี้ยงในระยะแรกซึ่งมีพ่อแม่ปลาเพียง 2-3
คู่ มักจะดูแลเอาใจใส่ด้วยตนเองเป็นอย่างดีและ
ทั่วถึง
แต่เมื่อขยายกิจการทำให้การดูแลไม่ทั่วถึง
หรือให้ผู้อื่นทำแทนซึ่งขาดความระมัดระวังโดยเฉพาะเรื่องความสะอาด
เนื่องจากปลาปอมปาดัวร์จัดเป็นปลาที่ต้องการความสะอาดมาก
นักเพาะเลี้ยงปลาปอมปาดัวร์จึงไม่นิยมเลี้ยงปลาชนิดนี้โดยใช้เครื่องกรองน้ำในตู้เหมือนปลาชนิดอื่น
ๆ แต่จะใช้วิธีการถ่ายน้ำเก่าออกแล้วเติมน้ำใหม่โดยไม่เสียดายค่าน้ำ
เพราะเชื่อว่าจะทำให้ปลาเจริญเติบโตได้รวดเร็วและเพาะพันธุ์ได้ผลผลิตที่คุ้มค่ากับการลงทุน
การคัดเลือกพ่อแม่พันธุ์
การคัดเลือกพ่อแม่พันธุ์จัดได้ว่าเป็นสิ่งสำคัญประการแรก
ในการเพาะพันธุ์ปลาปอมปาดัวร์
ในการคัดเลือกพ่อพันธุ์ควรคำนึงถึงสิ่งต่าง ๆ
ดังนี้
ไม่ควรซื้อพ่อแม่ปลาจากร้านปลาสวยงามทั่ว ๆ ไป
เนื่องจากปลาที่ซื้ออาจจะเป็นปลาแก่ที่ไม่สามารถเพาะพันธุ์ได้แล้ว
หรือมีประสิทธิภาพในการเพาะพันธุ์ต่ำ
ซึ่งโดยมากจะเป็นปลาที่ฟาร์มเพาะพันธุ์ปลาปอมปาดัวร์คัดออกแล้วขายให้แก่ร้านปลาสวยงามทั่ว
ๆ ไป ควรซื้อปลาจากฟาร์มเพาะพันธุ์ปลาปอมปาดัวร์ที่ไว้ใจได้มีการคัดเลือกสายพันธุ์แล้ว
ปลาที่เป็นพ่อแม่พันธุ์ควรเป็นปลาที่ไม่ได้ผ่านการเร่งหรือย้อมสี
เพราะฮอร์โมนที่ใช้ในการย้อมสีอาจจะมีผลต่อระบบสืบพันธุ์ของปลาได้
ไม่ควรซื้อปลาขนาดใหญ่
มาเลี้ยงเพราะไม่สามารถทราบอายุที่แน่นอน และสุขภาพปลาได้
ควรซื้อปลาที่เรียกว่าขนาดเหรียญบาท ซึ่งมีอายุประมาณ 1-2
เดือน มาเลี้ยงเพื่อทราบถึง
ชีววิทยาปลา แต่ไม่ควรซื้อปลาจากคอกเดียวกัน
หรือเลือกชนิดเพราะจะทำให้ประสิทธิภาพในการเพาะพันธุ์ต่ำ เปอร์เซ็นต์การรอดต่ำ
ได้ลูกปลาน้อย และลูกปลาที่ได้อาจจะพิการหรือ
ไม่สมบูรณ์
ควรเลือกซื้อลูกปลาที่ได้จากพ่อแม่ที่มีสีสันสดใสและลวดลายชัดเจนไม่เลอะเลือน
ลูกปลาที่ซื้อควรมีลักษณะกลม
บริเวณตั้งแต่จะงอยปากถึงครีบหลังควรโค้งงอ ไม่ลาดชันเป็นเส้นตรง
กระโดงครีบหลังสูงและไม่หักลู่ สีของลำตัวเป็นสีน้ำตาลอ่อน
ไม่ควรเป็นสีดำหรือสีทึบ ครีบก้นยาวและลึก ครีบทุกครีบสมบูรณ์ไม่แตกหรือแหว่ง
พยายามสังเกตดูลักษณะของปลาให้มีสุขภาพสมบูรณ์ ว่ายน้ำว่องไว ไม่ตกใจหรือกลัวคน
มีลักษณะเชื่อง มีการตื่นตัวในการกินอาหารอยู่เสมอ ไม่เซื่องซึม
ไม่เป็นโรคโดยเฉพาะไม่เลือกซื้อลูกปลาจากคอกที่มีตัวใดตัวหนึ่งแยกหลบมุมอยู่ต่างหากหรือตัวดำเพราะจะทำให้ปลาที่เลือกมาแม้จะมีสุขภาพดีแต่ก็อาจจะเป็นโรคได้ภายใน
2-3 วัน และพยายามสังเกตตาของปลา
ซึ่งถ้าเป็นปลาแกร็นแล้วตาจะโปนและวงขอบตาจะมีสีดำ
สีลำตัวค่อนข้างทึบออกเป็นสีเทาดำ
ปลาเหล่านี้เมื่อนำมาเลี้ยงแม้ว่าจะอยู่ในสภาพดีและอาหารสมบูรณ์เพียงใดก็จะไม่โต
วิธีเพาะพันธุ์ปลาปอมปาดัวร์
เมื่อพ่อแม่ปลาเจริญเติบโตพร้อมที่จะผสมพันธุ์และวางไข่ได้ให้นำโดมสำหรับปลาวางไข่มาใส่ไว้ในตู้เพื่อเป็นการฝึกไม่ให้ตู้ปลา
ควรวางตู้ปลาชิดและขนานกับผนังห้อง ไม่ควรวางตู้ขวางออกมาเพราะจะทำให้ปลา
ตกใจหรือตื่นคนง่าย ตู้ที่นิยมทำการเพาะเลี้ยง
คือตู้ขนาด 30x20x20 นิ้ว โดยทาสีฟ้าหรือเขียวอ่อน 3
ด้าน
แสงสว่าง ในขณะทำการเพาะไม่ควรให้แสงสว่างมาก
ควรให้แสงสว่างแต่พอควร และในบริเวณที่เพาะไม่ควรมีคนปลาวางไข่ที่อื่น
ซึ่งในการเพาะพันธุ์นี้ควรคำนึงถึง
พลุกพล่าน นอกจากผู้ทำการเพาะเลี้ยง
ควรระมัดระวังเกี่ยวกับคนเดินผ่านตู้เพราะทำให้ปลาตกใจได้
ห้องเพาะพันธุ์ปลา
ควรจะเป็นห้องที่แยกออกจากห้องเลี้ยงปลาเพราะแสงสว่างและช่วงเวลาการเปลี่ยนน้ำมักจะไม่ตรงกันจะทำให้กวนปลามาก
ในฤดูร้อน ห้องเพาะควรมีการระบายอากาศบ้างเล็กน้อย ส่วนฤดูหนาว
ควรปิดห้องเพื่อควบคุมให้มีการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิน้อยที่สุดและโดยที่ห้องเพาะส่วนใหญ่จะปิดมิดชิดทำให้มีการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิน้อยจึงไม่นิยมใช้ฮีทเตอร์ในระหว่างการเพาะพันธุ์
การวางโดม
ควรวางคนละมุมกับหัวพ่นฟองอากาศเพื่อป้องกันปลาตกใจและวางโดมให้ชิดผนังตู้ด้านหนึ่งเพื่อป้องกันมิให้ปลาติดหลังโดมและไม่ควรเปิดฟองอากาศให้แรงนัก
ในระหว่างการเพาะพันธุ์
ตัวเมียจะเห็นส่วนท้องอูมชัดเจน ก่อนปลาว่างไข่ 3-4
วัน ปลาจะมีอาการสั่นทั้งตัวผู้และตัวเมีย
ในวันที่ปลาวางไข่จะสามารถสังเกตได้โดยดูอาการทั้งตัวผู้และตัวเมียจะไม่ยอมออกห่างจากโดมและช่วยกันแทะเล็มโดมเพื่อทำความสะอาดตลอดเวลา
จากนั้นตัวเมียจะวางไข่บนโดมครั้งละ 15-30 ฟอง แล้วตัวผู้จะปล่อยน้ำเชื้อลงบนไข่
แม่ปลาจะใช้เวลาในการวางไข่ประมาณ 2 ชั่วโมง วางไข่ 100-300
ฟอง ไข่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1 มิลลิเมตร สีเทาอมเหลือง
ในบางครั้งไข่อาจจะมีสีเหลืองอมแดงเนื่องจากปลาปอมปาดัวร์ในประเทศไทยเลี้ยงด้วยไข่กุ้ง
ทำให้มีผลต่อสีของไข่ หลังจากปลาผสมพันธุ์และวางไข่แล้วจึงใส่ยาปฏิชีวนะ ได้ Tetracyclin
อัตราส่วน 2 เม็ด ต่อ 1
ตู้ ในระยะนี้ตัวผู้และตัวเมียจะว่ายวนเวียนโบกพัดน้ำไปยังไข่เพื่อเพิ่มปริมาณออกซิเจนและไม่ให้สิ่งสกปรกตกลงบนไข่
จากนั้นนำตะแกรงตาถี่ขนาดช่องตาครึ่งเซนติเมตรมาครอบลงบนโดมให้มีระยะห่างระหว่างโดมและตะแกรงประมาณ
2-3 เซนติเมตร
เพื่อป้องกันปลาย้ายไข่หรือถ้าปลาตกใจอาจจะกินไข่ได้ พร้อมกับนำตะแกรงขนาดช่องตา 1
นิ้ว กั้นแยกตัวผู้ออกจากตัวเมียและไข่พื่อป้องกันปลาผสมกันและวางไข่อีก
ซึ่งถ้าปลาวางไข่อีกจะกินไข่ที่วางไว้ก่อนแล้วออกหมดและป้องกันการกัดกันเพราะแย่งกันเลี้ยงลูก
การแยกกันนี้จะต้องแยกให้ตัวเมียอยู่ใกล้กับไข่เพราะจะทำให้ทั้งตัวเมียและตัวผู้ช่วยกันเลี้ยงลูก
แต่ถ้าแยกให้ตัวเมียอยู่ด้านนอกและตัวผู้อยู่ด้านใน
ตัวเมียจะไม่คุ้นกับลูกจะกินลูกของตัวเอง
แต่ทั้งนี้การแยกต้องให้ทั้งตัวผู้และตัวเมียสามารถมองเห็นไข่ที่วางติดโดมไว้ได้เพื่อจะได้ไม่กินลูกปลา
วิธีอนุบาลลูกปลาปอมปาดัวร์
หลังจากแม่ปลาวางไข่ 3
วัน ลูกปลาจะฟักเป็นตัวแต่จะยังอยู่ในบริเวณเปลือกไข่ จะเห็นส่วนหางเต้นไปมา
ส่วนหัวจะเป็นจุดสีดำ ในระยะนี้ลูกปลาจะไม่กินอาหารเพาะมีถุงไข่ (Yolk sac)
อยู่ในบริเวณท้องหลังจากนั้นอีก 3
วัน คือวันที่ 6 หลังจากเมื่อปลาวางไข่
ลูกปลาจะเริ่มว่ายน้ำมาเกาะเพื่อกินเมือกบริเวณลำตัวพ่อแม่ปลา สีของลำตัวของพ่อแม่ปลาจะเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเข้มขึ้นจนเกือบดำ
พ่อแม่ปลาจะพยายามอมลูกปลาแล้วพ่นไปที่โดม ระยะนี้เป็นระยะที่สำคัญมาก
ถ้าพ่อแม่ปลาตกใจจะกินลูกปลาเข้าไปเลย
และควรระมัดระวังการให้อาหารพ่อแม่ปลา
อย่าให้อาหารมากเพราะจะทำให้น้ำเสียเนื่องจากจะไม่มีการเปลี่ยนน้ำในระยะนี้
ในวันที่ 7
มีการถ่ายน้ำพร้อมกับดูดตะกอนออก ควรระมัดระวังลูกปลาจะติดไปในระหว่างดูดตะกอน
ให้เหลือน้ำอยู่ประมาณครึ่งตู้เท่านั้น
ในวันที่ 8
ค่อย ๆ ดูดตะกอนและเริ่มเติมน้ำโดยใช้สายยางเล็ก ๆ
หยดน้ำลงไปคล้ายกับการให้น้ำเกลือเพื่อให้มีการเปลี่ยนแปลงน้อยที่สุด
โดยถ้าถ่ายน้ำตอนเช้าจะต้องเติมน้ำโดยใช้เวลา 8-10
ชั่วโมง จึงจะได้ระดับครึ่งตู้เท่ากับเมื่อวันที่ 7 (การเปลี่ยนน้ำควรเติมน้ำเท่ากับปริมาณน้ำที่มีอยู่เดิม)
และเปลี่ยน้ำเช่นนี้ต่อไปทุกวัน
ในวันที่ 13
ลูกปลาเริ่มว่ายน้ำไปมาอย่างอิสระบ้างแต่ยังกินเมือกของพ่อแม่ปลาเป็นอาหารอยู่
สามารถให้อาหารเสริมได้ คือ อาร์ทีเมียที่เพาะใหม่ ๆ หรือลูกของไรแดง
การแยกลูกไรแดงออกจากไรแดงตัวโต สามาถทำได้โดยใช้กระชอนตาถี่ที่ลูกไรสามารถลอดออกมาได้ไปช้อนไรแดงแล้วแกว่งในกะละมังที่มีน้ำอยู่
ลูกไรแดงจะหลุดออกมาอยู่ในกะละมัง แต่ไรแดงตัวโตไม่สามารถคลอดออกมาได้
จากนั้นจึงใช้กระชอนตาถี่ที่เล็กกว่าขนาดลูกไรไปช้อนมาอีกทีก็จะได้แต่เฉพาะลูกไรแดงขึ้นมา
การให้ลูกไรแดงควรระมัดระวังไรชนิดหนึ่งมีลักษณะคล้ายไรแดงแต่มีเปลือกแข็งคล้าย
แมลง เพราะถ้าลูกปลากินเข้าไปจะทำให้ตายได้
ในวันที่ 17
สามารถแยกแม่ปลาออกจากลูกปลาได้ในระยะนี้
และลูกปลาขนาดนี้ซึ่งเรียกว่าระยะแกะออกจากแม่หรือขนาดเม็ดแตงโม ขายได้ในราคาตัวละ
7-8 บาท หรือจะเลี้ยงต่อไปจนอายุ 1
เดือน จนถึงขนาดเหรียญบาทซึ่งมีราคาตัวละ 20-30
บาท ทั้งนี้แล้วแต่ความต้องการของตลาด
ในระยะนี้ควรหัดให้ลูกปลากินไข่กุ้งเพื่อเป็นการเร่งสี
ซึ่งจะทำให้ปลามีสีแดงขึ้นและขายได้ง่ายขึ้น
พ่อแม่ปลาที่แยกออกจากลูกปลาในระยะที่ลูกปลามีอายุ
17 วัน นั้นจะผสมพันธุ์และวางไข่ได้อีกโดยใช้เวลาพักตัวประมาณ
1 อาทิตย์
ในระยะพักตัวนี้ควรให้อาหารเสริมจำพวกวิตามิน E , K หรือวิตามินรวม
เนื่องจากในระยะเลี้ยงลูกเราต้องใส่ยาปฏิชีวนะตลอดเวลาเพื่อป้องกันโรคทำให้ปลาขาดวิตามิน
E,K ซึ่งอาจทำให้ปลาตัวผู้นี้มีโอกาสเป็นหมันอย่างถาวร
และตัวเมียเป็นหมั่นชั่วคราวได้ โดยใส่วิตามิน E,K หรือวิตามินรวมลงไปในอาหารและแช่ทิ้งไว้ก่อนให้ประมาณ
20 นาที
ในบางครั้งเมื่อเพาะปลาจะประสบกับปัญหาไข่เสียไม่ฟักเป็นตัว
ซึ่งมีสาเหตุอาจเนื่องจากตัวผู้มีน้ำเชื้อไม่ดีเพราะเพาะพันธุ์ถี่เกินไป
หรือเพราะน้ำมีคลอรีน
ผู้เพาะเลี้ยงปลาบางรายจึงมีปลาตัวผู้หลายตัวไว้สับเปลี่ยนกัน
แต่ถ้าสับเปลี่ยนตัวผู้แล้วไข่ยังเสียติดกัน 4-5
ครั้ง หรือเมื่อตัวเมียวางไข่แล้วไข่หลุดออกจากโดมก็ควรพักพ่อแม่ปลาอย่างน้อย 1
เดือน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น